การปรับแต่ง SEO Onpage มีความสำคัญต่อการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของเราให้ดีขึ้นในผลการค้นหา แต่ บก.ฮีโร่ซังเห็นว่า หลายๆคน ยังขาดแนวทางที่เป็นมาตรฐานและสามารถนำไปปฏิบัติแบบวัดผลได้ บก.จึงรวบรวมการจัดทำ SEO Onpage ฉบับใช้งานขึ้นมา เพื่อช่วยเป็นแนวทางให้ลูกค้า และผู้สนใจได้นำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับแต่ง SEO Onpage ของเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
โดย บก.ได้ทำไฟล์ CheckList SEO Onpage ไว้ให้ดาวน์โหลดเพื่อทำการพิมพ์ออกมา สำหรับตรวจสอบไฟล์บทความ หรือการปรับแต่งเว็บไซต์อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถวัดผลความสำเร็จได้ (KPI Success) พร้อมแล้ว ก็มาเรียนรู้การปรับแต่ง SEO Onpage 2015 ที่ถูกต้องพร้อมกันครับ
1.สร้างคำหลัก (Keyword) ใน Title Tag
หากคุณสำรวจเว็บที่ติดตอันดับในหน้าแรกอันดับที่ 1-3 จะพบว่าการออกแบบคำหลักลงใน Title Tag มีปรากฎอยู่ในทุกๆ อันดับเลย ดังนั้น สิ่งแรกที่คุณต้องปรับคือ การใส่คำหลักลงในตำแหน่งของ Title Tag
ตัวอย่างเช่น
คำหลัก (Keyword) ลดความอ้วน เมื่อนำไปออกแบบเป็น Title Tag ก็ควรเป็น
ลดความอ้วน- 10 เทคนิคลดน้ำหนักใน 7 วันเหลือ 30 Kg! คุณทำได้
การวางตำแหน่งของคำหลักมีผลต่อการค้นหาของ Google เช่นเดียวกัน โดยคำหลักที่แนะนำให้วางคือ ตรงส่วนหน้าสุดของประโยค
Tip! สร้างคำหลักไว้หน้าสุดใน Title Tag เสมอ
2.ใส่คำหลักลงใน Title Tag ไม่เกิน 1 – 2 ตัวเท่านั้น
คำหลักที่อยู่ใน Title Tag มีผลต่อการประมวลผลของ Google ในการจัดหมวดหมู่การค้นหา แต่การใส่มากเกินไปจะทำให้คุณนั้นถูก Google มองว่าเป็น Spam ดังนั้น จงตั้งคำหลัก (Keyword) ลงไปเฉพาะในส่วนของ Title Tag เพียงแค่ 1 หรือสองตัวเท่านั้น
เช่น
ลดน้ำหนัก – 15 แนวทางลดน้ำหนักที่คุณทำได้ใน 7 วัน
รักษาสิว – 10 วิธีรักษาสิวของตนเองให้หายใน 2 วัน
3.SEO Friendly URL
การใส่ URL ที่บรรจุคำหลักลงไปด้วย จะมีส่วนในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับ URL แต่ตรงนี้ บก.เสนอว่า หากเรามีปัจจัยอื่นๆสนับสนุนให้เว็บทำอันดับดีขึันอยู่แล้วนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทำข้อนี้ก็ได้นะครับ เพราะแม้ว่าการทำ SEO F จะมีผลดีต่อการเพิ่มความแข็งแรงให้กับเว็บ แต่กลับมีผลเสียคือ ทำให้การแชร์ข้อมูลแบบ Copy และ Paste ทำได้ยากมาก
Tip! ทำ SEO Frienlly URL ทุกครั้งที่เขียนบทความ หรือหน้า
4.ผสมสื่อมัลติมีเดียอย่างน้อย 1 ประเภทลงในบทความ
วิธีการต่อไปที่ช่วยให้บทความได้รับค่าคะแนนและความสนใจเพิ่มขึ้นคือ คุณต้องใส่สื่อมัลติมีเดียลงไป เช่นวีดิโอคลิปจาก Youtube (ที่ภายในมี Link ของเว็บไซต์เราอยู่ด้วย) หรืออาจเป็นภาพถ่าย ที่ตั้งชื่อภาพให้เป็นชื่อของคำหลัก เช่น ลดน้ำหนัก.jpg หรือ รักษาสิว.jpg ด้วยเสมอๆ
Tip! ใส่วีดีโอ หรือภาพลงไปในทุกๆบทความเสมอ
5.ต้องสร้าง Outbound Link ทุกครั้ง
เมื่อคุณโพสต์บทความลงไปแล้ว ขอให้แน่ใจว่า มีการทำ Outbound Link ออกไปยังเว็บไซต์ที่มีคุณภาพเสมอๆ โดยเน้นที่ 1-2 Links ต่อบทความเท่านั้น โดยให้หน้าที่คุณเชื่อมโยงออกไป เป็นเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง หรือคุณอาจเชื่อมต่อไปหาเว็บ Network ที่มคุณภาพสูงของคุณก็ได้ครับ
Tip! สร้าง Outbound Link จำนวน 1-2 Link
6.ตรวจสอบว่า 100 คำไทยแรก มีคำหลัก (Keyword) ของเราหรือไม่
ให้เราเขียนบทความในพรารากราฟแรก โดยเฉพาะใน 100-165 คำไทยแรก จะต้องมีคำหลัก หรือ Keyword ปรากฎอยู่ครับ อย่างน้อย 1 คำ และสามารถใส่เป็นตัวหนา ซึ่งการทำแบบนี้สามารถส่งผลอย่างดีต่อการทำอันดับใน Google เลยครับ
Tip! ใส่ Keyword ลงใน 100 คำไทยแรกทุกครั้ง
7.Page Speed มีความสำคัญมาก
ปัจจุบัน Google ให้ความสำคัญมากกับเวลาในการโหลดเพจขึ้นมา ตรงนี้ถ้าคุณต้องการได้คะแนนในส่วนของ SEO Onpage ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เพจของคุณนั้นมีน้ำหนักเบาและโหลดได้เร็วที่สุด บก.มีสอง Plug in ที่อยากแนะนำให้ลูกค้าติดตั้ง ประกอบด้วย W3 Total Cache และ WP Smush It ซึ่งสองตัวนี้ช่วยเรื่องของ Page speed ได้มากครับ (หรืออาจเลือกใช้เครื่องมือใน Google Webmaster Tool) ก็สามารถทำได้
Tip! ใส่ใจเรื่อง Page Speed ทุกครั้ง
8.ในบทความต้องมีค่า H1 อยู่ด้วยเสมอ
สำหรับค่า H1 ในที่นี้คือขนาดของตัวอักษรนั่นเอง ซึ่งค่า H1 นั้นจะเป็นในส่วนของหัวข้อเรื่อง เหมือนกับหัวข้อบทความตัวสีฟ้าที่อยู่ในบทความนี้ บก.ตั้งค่าเป็น H1 ทั้งหมดครับ
Tip! หัวข้อเรื่องให้ตั้งขนาดที่ H1 เสมอ
9.เพิ่มคำหลักประกอบ ที่สำคัญ เช่น “2015” ” 10 อันดับ” หรือร “รีวิว” เข้าไปในหัวข้อเสมอ
คำหลักที่ บก.กล่าวถึงข้างบนนั้นจะเป็นเสมือนคำที่ส่งเสริมให้ ผู้อ่านนั้นสนใจในตัวบทความมากยิ่งขึ้น และยังช่วยในเรื่องของ การให้ความรู้สึกสดใหม่ของบทความมากกว่าเดิม ตัวอย่างเช่นหัวข้อด้านล่าง
10 ปลั้กอิน สำหรับการปรับแต่ง SEO ให้เทพ 2015
หรือ
รีวิว การใช้งานมือถือ Asus Zenfone 5 แบบละเอียดสุดๆ
เป็นต้น
Tip! อย่าลืมคำหลักประกอบ
10.ปุ่ม Share ต้องมีเสมอ
ให้ติดตั้งปลั้กอินที่มีปุ่มให้ผู้อ่านสามารถ share บทความลงไปใน Facebook หรือที่อื่นๆเสมอๆ โดยจุดที่เราจะวางปุ่มแชร์นั้น เราจะวางไว้ที่บ้านบนสุดของบทความ หรือตรงกลางของบทความเท่านั้น เพื่อให้ผู้อ่านสามารถแชร์ข้อมูลได้ง่ายที่สุด เพราะโดยปกติแล้ว ผู้อ่านนิยมแชร์ข้อมูลทันทีลง Fanpage ที่เราอาจได้ยินว่า “แปะ” นั่นเอง
Tip! ปุ่มแชร์สำคัญมากอย่าลืมติดตั้ง
11.บทความ 1 บทต้องมีคำไทยไม่น้อยกว่า 1,500-2,000 คำไทย
มีการทำวิจัยทางด้าน SEO ออกมาโดย MOZ.com พบว่าจำนวนคำของเว็บไซต์ที่อยู่อันดับ 1-10 ในแต่ละคำหลักโดยเฉลี่ยนั้น ต้องมีคำอยู่ที่ประมาณ 1,500-2,000 คำ ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแรงและความแข็งแกร่งให้กับบทความนั้นๆ ให้คงอยู่ หรือขึ้นหน้าแรกให้มากขึ้น ดังนั้นให้เราระลึกเสมอว่า บทความของเรานั้นต้องมีคำทั้งหมดอย่างน้อย 1,500-2,000 คำไทยเสมอๆ
Tip! 1 บทความ ต้องมีคำไทยอย่างน้อย 1,500 คำไทย
12.อย่าลืมเชื่อมโยง Link ในคำต่างๆไปยังบทความยอดนิยมในเว็บ
หากในเว็บของลูกค้ามีบทความยอดนิยม ลองหาคำเชื่อมโยงไปหากันนะครับ การทำแบบนี้จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถต่อเติมความรู้ได้ และที่สำคัญการเดินทางของ Google Bot จะสามารถเดินทางไปได้อย่างต่อเนื่องและมีความลื่นไหล ส่งผลถึงเรื่องของอันดับเว็บไซต์ของคุณอย่างแน่นอน
Tip! อย่าลืมเชื่อมโยง Link ไปยังบทความยอดฮิตของคุณ
13. ใส่ LSI ลงไปในทุกบทความของคุณ
คำหลัก LSI สามารถมองหาได้จากการใช้ Google Adword หรือเว็บที่ให้คุณสามารถมองเห็นคำ LSI ได้ เช่นอาจดูตรงผลลัพธ์การค้นหาของ Google ก็ได้ โดบเราจะนำคำ LSI เหล่านี้มาใส่อยู่ในบทความอย่างน้อย 1-2 ตำแหน่งเสมอๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในเชิงการค้นหา ที่มีผลต่อการเพิ่มคะแนน SEO Onpage ให้กับคุณ
Tip! อย่าลืมใส่ LSI ลงในบทความ 2 ตำแหน่ง
14.ขนาดฟอนต์ H2 H3 H4 ต้องนำมาใช้เสมอๆ
ถ้าลูกค้าอ่านข้อมูลจากส่วนแรกมาแล้วจนถึงตรงนี้นั้น จะได้เจอหัวข้อ H1 แต่ในบทนี้นั้น เราจะทำการเติม H2 H3 H4 หรือขนาดฟอนต์ของหัวข้อย่อยลงไปด้วยในบทความเสมอๆ เพื่อช่วยในการมองเห็นของ Google Bot ที่จะส่งผลให้อันดับเว็บของคุณนั้นดีขึ้น
Tip! นำ H2 H3 H4 มาใช้ในบทความด้วย
15.รูปภาพทุกภาพต้องตั้งชื่อไฟล์ภาพเสมอ
สิ่งสุดท้ายที่ต้องคำนึงถึงคือ การตั้งชื่อไฟล์ภาพ ที่ต้องทำทุกครั้งเสมอๆ เพื่อให้คุณมีทราฟิกมาจากการค้นหารูปภาพในเว็บ Google ซึ่งแน่นอนว่า ทราฟิกธรรมชาตินั้นอาจกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของคุณเลยก็ได้
Tip! ตั้งชื่อไฟล์ภาพทุกครั้ง
Bonus!! ปรับแต่งคลิกของคุณด้วย
บก.ขอให้โบนัสกับลูกค้า ที่สามารถอ่านบทความมาครบจนถึงข้อนี้ครับ สูตรลับอีกข้อหนึ่งคือ จงใช้กฎ 3 คลิก เพื่อมาถึงบทความที่ลูกค้าต้องการให้ ผู้เยี่ยมชมอ่าน เน้นว่าแค่ 3 คลิก จะต้องเข้ามาถึงที่บทความเลย อย่าทำหน้าที่ซับซ้อน หรือเข้าถึงข้อมูลได้ยาก จำไว้ว่ายิ่งน้อยคลิกยิ่งดี และไม่เกิน 3 คลิก ผู้เยี่ยมชมต้องเข้ามาถึงหน้าบทความเป้าหมาย
สรุปแล้วหลัก SEO Onpage 2015 ที่ บก.ทำ List ไว้ให้ข้างต้นนี้ ลูกค้าสามารถนำไปใช้เป็น CheckList ทุกครั้งในการปรับแต่งหน้าเพจของเราให้มีความสมบูรณ์ทางด้าน SEO มากขึ้น แต่แน่นอนว่าหัวใจที่สำคัญที่สุดของบทความ คือเนื้อหา ดังนั้น อย่าเขียนบทความเพื่อ SEO แต่จงเขียนบทความเพื่อผู้อ่าน และให้ SEO เป็นส่วนประกอบของบทความคุณภาพชุดนั้นแทนครับ ลูกค้าสงสัยเพิ่มเติม หรือขอคำแนะนำสามารถ Post ใน Reply ด้านล่างได้ครับ
ขอบคุณครับ สำหรับ ข้อมูลและ เทคนิคที่เป็นประโยชน์ มากกครับ
Like&Share ครับ
Commented on 15 มิถุนายน 2015 at 5:48 น.