หากใครที่กำลังหารายได้เสริม รายได้หลัก สร้างแบรนด์หรือทำการตลาด โดยที่ไม่ต้องใช้งบลงทุนมากนัก สิ่งหนึ่งที่หลายคนต้องทราบ นั่นก็คือ การเขียนบทความ เห็นแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับหลายๆคน โดยเฉพาะคนที่รักการอ่าน รักการเขียน บอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว ซึ่งการจะเขียนบทความ ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น สามารถทำได้หลายวิธี ใครที่ไม่อยากพลาดไปติดตามชมกันได้เลย
กำหนดเป้าหมายในการเขียนบทความ
เขียนเพื่ออะไร / ตั้งใจนำเสนออะไร / กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร เป็นจุดเริ่มต้นที่หลายคนมักมองข้าม ทำให้งานเขียนส่วนใหญ่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างไร้เป้าหมาย ไร้การดึงดูดที่ทำให้น่าสนใจ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การเขียนบทความไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนการกำหนดเป้าหมาย สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น เขียนบทความนำเสนอและโน้มน้าวกลุ่มผู้อ่านให้กลายมาเป็นลูกค้า หรือ ทำให้เกิดความสนใจจนเกิดการบอกต่อ พูดคุยและสอบถามต่อไป ถือเป็นการโปรโมทที่ดีและถูกที่สุดวิธีหนึ่ง แถมยังได้ผลดีมากอีกด้วย
ค้นคว้าข้อมูลก่อนลงมือเขียน
การเขียนบทความให้มีคุณภาพ จำเป็นต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลก่อนลงมือเขียนอยู่เสมอ (สำหรับผู้เขียนแล้ว ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะภาษาและเนื้อหาจะเป็นไปในทิศทางใดและมีคุณภาพหรือไม่ ขั้นตอนนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ) เมื่อนักเขียนได้หัวข้อที่จะเขียนแล้ว ก็ทำการค้นคว้าข้อมูลในอินเทอร์เน็ต หนังสือ นิตยาสาร โดยใช้คีย์เวิร์ดหรือคำที่ใกล้เคียงในการค้นหาข้อมูล ไอเดีย แนวทางในการเขียน ลักษณะของการเขียนว่าเป็นอย่างไรและนำมาประยุกต์ใช้ในบทความของตนเอง
การตั้งชื่อบทความ
เมื่อได้ไอเดียในการเขียนแล้ว ต่อมาคือ การตั้งชื่อบทความ จะตั้งอย่างไรให้ผู้อ่านเห็นแล้วอยากคลิกเข้าไปอ่าน จะตั้งอย่างไรให้ผู้อ่านอยากไลท์ อยากแชร์ รวมทั้งยังเป็นมิตรต่อการทำ SEO ในที่นี้จะยกตัวอย่าง คีย์เวิร์ด “ลดความอ้วน” การตั้งชื่อบทความที่ดี ควรมีคีย์เวิร์ดแทรกเข้าไปด้วย เช่น 10 อาหาร ลดความอ้วน / เคล็ด(ไม่) ลับ ถ้าอยากลดความอ้วน / ลดความอ้วน เริ่มที่ตัวคุณ เป็นต้น การตั้งชื่อแบบนี้ นอกจากจะทำให้ผู้อ่านค้นหาได้ง่ายและเกิดความสนใจแล้ว ยังเป็นมิตรต่อการทำ SEO เพื่อติดอันดับใน Google อีกด้วย
กำหนดเค้าโครงเรื่อง
เป็นการตัดสินใจว่า ภายในบทความของคุณจะประกอบด้วยอะไรบ้าง เช่น เกริ่นนำ เนื้อหา สรุป แนวคิด ประโยชน์ เป็นต้น ซึ่งการร่างเค้าโครงของเนื้อหาจะทำให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่า ยังขาดเหลือข้อมูลอะไรที่ต้องหาเพิ่มเติมอีกบ้าง แถมยังช่วยตัดข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกไปอีกด้วย ช่วยให้บทความดูสมดุล ลื่นไหล เวลาที่อ่านดูไม่เหวิ่นเว่อมากจนเกินไป ถือเป็นอีกขึ้นตอนหนึ่งที่ช่วยให้การเขียนบทความง่ายขึ้นและประหยัดเวลาอีกด้วย
บทความยาวดีกว่าบทความสั้น
จากสถิติและการวิเคราะห์ผล SERPs ได้รับการยืนยันว่า บทความที่มีความยาวมีแนวโน้มในการถูกจัดอันดับบน Google มากกว่าบทความสั้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า บทความที่มีความยาวทุกบทความ จะถูกจัดอันดับในหน้าแรกๆของ Google ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการเขียนบทความ การใช้คีย์เวิร์ด เค้าโครงของบทความและความเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากบทความขนาดสั้น มีสิ่งเหล่านี้ครบ ก็มีโอกาสสูงที่จะติดอันดับบน Google ได้เช่นกัน
ตกแต่งบทความให้น่าอ่าน
นอกจากการตั้งชื่อบทความและเขียนบทความให้เนื้อหามีคุณภาพแล้ว อีกขั้นตอนหนึ่งที่อยากแนะนำให้ทำก็คือ การจัดหน้าตาของบทความให้มีความสวยงามและง่ายต่อการอ่าน ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นบรรทัดใหม่และการจัดวางพารากราฟ ควรใช้สัก 4 – 5 บรรทัดกำลังสวย การปรับขนาดและสีสันของตัวอักษร การใช้ตัวหนา ตัวเอียงให้เป็นประโยชน์ การเลือกใช้ Font อย่างเหมาะสม การเพิ่มรูปภาพประกอบให้บทความดูมีชีวิตชีวา ซึ่งก็ลองนำไปปรับใช้กันดู รับรองว่าบทความของคุณจะสวยงามขึ้นกว่าเมื่อก่อนแน่นอน
เผยแพร่บทความ
สำหรับคนที่มีบล็อกหรือเว็บไซต์เป็นของตนเอง ต่อให้คุณเขียนบทความที่มีเนื้อหามีประโยชน์และดีขนาดไหน มันจะไม่ประสบความสำเร็จเลย หากไร้ซึ่งคนอ่าน วิธีง่ายๆที่สามารถทำได้ก็คือ การแชร์บทความลงใน Facebook Page นำลงใน Facebook Profile การแชร์บทความลงในกรุ๊ปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบทความ โปรโมทลงในเว็บไซต์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา หรือ หากใครที่มีงบหน่อย ผู้เขียนแนะนำให้ลงโฆษณากับ Facebook Ads / Twitter Ads / Google Adwords ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้เช่นกัน
เขียนบทความอย่างสม่ำเสมอ
ผู้อ่านทุกคนล้วนมองหาบทความใหม่ๆและมีเนื้อหาอัพเดททันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ ดังนั้น ควรเขียนบทความที่มีความสดใหม่ มีเนื้อหาที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้ามาอ่าน เพียงเท่านี้บล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณก็จะมี Traffic เพิ่มมากขึ้นและเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้คุณสามารถประสบความสำเร็จในการเป็นนักเขียนได้ในระยะยาว
เห็นหรือยังว่า การเขียนบทความ ให้ประสบความสำเร็จไม่ยากอย่างที่หลายคนคิด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสามารถทำได้ในไม่กี่วัน ทุกอย่างจะต้องใช้ประสบการณ์ การพัฒนาฝีมือในการเขียน รวมถึงสร้างสรรค์งานเขียนใหม่ๆที่ตรงกับวัตถุประสงค์ในการนำเสนอ ออกมาให้ผู้อ่านเข้าถึงและเป็นประโยชน์สูงสุด
Leave a Comment